learnningfoodbytang
หน้าแรก
ตารางเรียนเบเกอรี่
ตารางเรียนขนมไทย
ตารางเรียนทำอาหาร
สูตรอาหาร
อาหารประเภทนึ่งและย่าง
อาหารประเภทต้ม
อาหารประเภทยำ
อาหารประเภทแกง
เมนูน้ำพริก
แนะนำติชม
เรียนทำอาหารด้วยyoutube
อาหารไทยทำง่ายนิดเดียว
กับ
แตง
สาระน่ารู้
น้ำกับหัวใจ
ศาสตราจารย์ วัลติน จากอเมริกาฯ บอกว่า อาหาร เช่น ผัก ผลไม้ มีน้ำ 80-95 % แม้ขนมปังและชีสก็ยังมีน้ำ 35 % ดังนั้นดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว อาจมากเกินพอดี แต่ดื่มน้ำน้อยก็มีปัญหาเหมือนกัน ไม่เพียงร่างกายขาดน้ำเท่านั้น โรคหัวใจอาจคุกคามได้ งานวิจัยติดตามกลุ่มตัวอย่าง 20000 คน นาน 6 ปี พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 5 แก้ว มีโอกาสเสี่ยงกับอาการโรคหัวใจวายน้อยกว่าผู้ที่ดื่มวันละ 2 แก้ว หรือน้อยกว่านั้น
น้ำช่วยลดความเข้าข้นของเลือด ป้องกันเกล็ดเลือดแข็งตัว ที่เป็นสาเหตุสำคัญของหัวใจวาย เพราะฉะนั้นจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 5 แก้ว ถ้ายังต้องการให้หัวใจมีสุขภาพดี
กินน้ำมันมะกอกสมองไม่แก่
จากรายง่นระบุว่าน้ำมันมะกอก ไม่เพียงแต่ปกป้องหัวใจเท่านั้น แต่ยังให้ผลดีต่อสมองอีกด้วย นักวิจัยพบว่ากลุ่มผู้สูงอายุ 278 คนที่ได้ทำการศึกษาอยู่นั้น พวกที่บริโภคอาหารอันอุดมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว จากน้ำมันมะกอก สมองจะไม่เสือมไปตามอายุขัย กลุ่มคนแก่สมองดีดังกล่าวบริโภคน้ำมันมะกอกในปริมาณเฉลี่ย 46 กรัมต่อวัน หรือ 3 ช้อนโต๊ะ ข้อสรุปที่ได้จากการศึกษานี้ก็คือ ไขมันไม่อิ่มตัวตัวเชิงเดี่ยวจากน้ำมันมะกอก ช่วยเสริมโครงสร้างของเซลล์สมอง ซึ่งต้องการกรดไขมันไม่อิ่มตัวเพิ่มมากขึ้นตามอายุขัย
มากินปลากันเถอะ
การวิจัยศึกษาแบบแผนการกินอาหาร และสุขภาพของคนชรา 1674 คน (ตีพิมพ์ใน British Medical Journal ) นานต่อเนื่องกัน 7 ปี พบว่าผู้ที่กินปลาหรืออาหารทะเลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคจิตเสื่อม รวมทั้งอัลไซเมอร์ลงได้มาก นักวิจัยชี้แจงว่า กรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน โอเมก้า- 3 ที่พบใน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาอินทรี และอาหารทะเลอื่นๆ ช่วนลดการอักเสบของสมอง อีกทั้งยังช่วยสร้างเซลสมองใหม่ทดแทนเซลล์ที่เสื่อมไป มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ การวิจัยจากออสเตรเลีย ยังพบอีกว่า โอเมก้า - 3 ดีต่อสุขภาพตาอีกด้วย คนที่กินปลา 1-3 ครั้งต่อเดือน จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคสายตาเนื่องจากสูงอายุ น้อยกว่าผู้ที่กินปลาต่ำกว่านี้ประมาณครึ่งเท่าตัว
กินบรอกโคลีหนีมะเร็ง
การกินบรอกโคลีหรือแม้แต่สลัดโคลสลอว์มากๆ อาจป้องกันผู้ชายจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคผักผลไม้ของชาย 1230 คน อายุระหว่าง 40-60 ปี ครึ่งหนึ่งมีปัญหาจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อีกครึ่งคัดเลือกแบบสุ่ม พบว่าชายที่กินผักผลไม้วันละ 3 จานขึ้นไป จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยลงถึง 48 % เมื่อเทียบกับผู้ที่กินผักน้อยกว่าวันละ 1 จาน ผักที่มีสรรพคุณดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ะดอก บรัสเซลสเปราท์ และอาหารที่มีส่วนผสมของกะหล่ำปี เช่น โคลสลอว์ ทั้งนี้เพราะสารเคมีหลายชนิดที่พืชผลิตขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง จะไปกระตุ้นให้เอนไซม์ในร่างกายล้างพิษจากสารก่อมะเร็ง
อัลฟาลฟา บิดาแห่งอาหารทั้งปวง
อัลฟาลฟา เมล็ดงอกเส้นยาวฝอย หัวเป็นใบอ่อนขนาดจิ๋ว 2 ใบ ที่เรียก อัลฟาลฟางอก นี้ฝรั่งนักกินอาหารสุขภาพนิยมใส่สลัด นอกจากกลิ่นจะคล้ายถั่วลันเตาแล้ว ยังถือว่าอัลฟาลฟางอกเป็นซุปเปอร์อาหารชนิดหนึ่ง เพราะมีแร่ธาตุมากมาย อีกทั้งมีไฟโตเอสโตเจน ช่วยป้องกันมะเร็ง และบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะหมดประจำเดือน
อัลฟาลฟา เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง ดั้งเดิมมีอยู่ในอาหรับ แล้วจึงแพร่หลายไปในยุโรปและทวีปอื่นๆ ส่วนใหญ่ใช้เป็นพืชสำหรับสัตว์เลี้ยงและสร้างธาตุอาหารให้พื้นดิน เพราะรากสามารถชอยไชดินเพื่อหาอาหารลึกถึง 100 เมตร เมล็ดอัลฟาลฟางอก จะมีวิตามินแร่ธาตุสูง เป็นบิดาแห่งอาหารทั้งปวง
ผักผลไม้สีรุ้ง
หากจำไม่ได้ว่าผักผลไม้ชนิดใดมีสารอาหารอะไร ให้กินผักผลไม้หลากสีเข้าไว้ จะได้สารอาหารจากพืช หลายๆชนิดด้วยกัน เพราะสารอาหารเหล่านี้มักจะมีสารสีที่ทำให้ผักผลไม้มีสีต่างกัน อาทิ
- สีแดง มีสารไลโคปีน ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
- สีม่วง มีสารฟลาโวนอยด์ ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
- สีส้ม มีสารอัลฟา และเบต้าแคโรทิน ป้องกันมะเร็ง
- สีเหลืองส้ม มีสารคริพโทแซ็นธิน ป้องกันมะเร็ง
- สีเขียวส้มหรือสีเขียวอ่อน มีสารลูเทอิน และซีแซ็นธิน ป้องกันโรคตา
- สีเขียว มีสารซัลโฟราเฟน ป้องกันมะเร็ง
- สีขาว มีสารออร์กาโนซัลไฟด์ และฟลาโวนอยด์ ป้องกัน มะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจ
- สีน้ำเงิน มีสารแอ็นโธไซอะนิน และ แอนติออกซิแดนท์ ป้องกันมะเร็ง และบำรุงประสาท
ผักโขมช่วยให้ตาแก่ช้า
จักษุแพทย์ สตีเวน จี แพรตต์ แห่งโรงพยาบาลสคริปป์เมโมเรียล ในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษาพบว่าผักโขมมี ลูทีน และ เซอักแซนทิน อยู่จำนวนมาก โดยสารแคโรทีนนอยด์ ทั้งสองนี้มีสรรพคุณช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา ซึ่งสาเหตุใหญ่ทำให้คนอายุ 65 ปี ขึ้นไปสูญเสียการมองเห็น
งานวิจัยนี้สอดคล้องกับการศึกษาของแพทย์หญิง โจฮันนา เซดดอน และเพื่อนนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ระบุว่า ผู้ได้รับลูทินวันละ 6 มิลลิกรัม จะลดความเสี่ยงจากโรคดวงตาเสื่อมได้ถึง ร้อยละ 43 เที่บยกับพวกที่ได้รับลูทินต่ำกว่านี้ นอกจากผักโขมแล้ว ผักสดที่อุดมไปด้วยลูทิน และเซอักแซนทินก็มี คะน้า ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง เทอร์นิป ฯลฯ
กินขมิ้นดีอย่างไร
ขมิ้น เครื่องเทศสีเหลืองยอดนิยมช่วยเพิ่มสีสัน และรสชาติในครัวภาคใต้ และแกงแขกอินเดีย มีชื่อเสียงทางสรรพคุณยามากขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีพบว่าสาร คูร์คุมิน ในขมิ้นช่วยต้นาการอักเสบ รักษาโรคมะเร็งในลำใส้ใหญ่ได้ และเป็นแอนติออกซิแดนท์ต้านอนุมูลอิสระ แต่ล่าสุด ผลการวิจัยในหนูนทดลองพบว่า ขมิ้นอาจช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ในคนแก่ได้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่าขมิ้นช่วยชะลอความหนาแน่นของเมํดตะปุ่มตะป่ำ ซึ่งเป็นอาการของอัลไซเมอร์ในหนูทดลอง เป็นสาเหตุหนึ่งที่คนอินเดียเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าฝรั่ง เพราะคนอินเดียนิยมกินขมิ้นกันมาก